"สน เดอะสตาร์" วอน

รายละเอียด

"สน เดอะสตาร์" วอนคนไทยเสียสละ
โดย ผู้จัดการออนไลน์28 มิถุนายน 2551 15:45 น.


"สน เดอะสตาร์" เปิดตัวเชียร์พันธมิตร เสียใจที่ไม่สามารถขึ้นเวทีได้เนื่องจากติดต้นสังกัด วอนประชาชนเสียสละอย่าเห็นแก่ความสะดวกสบายเพื่อประเทศชาติ
       
       เป็นหนึ่งในผู้คนที่เกาะขอบเวทีเชียร์พันธมิตรตั้งแต่กู้ชาติเมื่อสองปีก่อน จนกระทั่งปัจจุบัน "สน เดอะสตาร์" สนธยา ชิตมณี ก็ยังเข้าร่วมกับพันธมิตรกอบกู้ประเทศชาติจากพวกโกงชาติโกงแผ่นดิน แต่น่าเสียดายที่สนไม่สามารถกระโดดขึ้นเวทีให้กำลังใจกับพี่น้องพันธมิตรได้ ทั้งที่แต่งเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากติดสัญญากับต้นสังกัด อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยืนยันว่า จะมาร่วมชุมนุมเป็นประจำ วอนคนไทยให้เสียสละอย่าเห็นแก่ความสะดวกสบายเพื่อประเทศชาติ
       
       "ปกติเป็นคนสอดรู้สอดเห็นอยากรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ เมื่อสองปีก่อนผมดูเอเอสทีวีอยู่ที่บ้าน ผมก็เลยอยากไปฟังความจริงก็เลยตัดสินใจไปที่สนามหลวง บอกตรงๆ นะว่า ผมไม่ได้เชื่อพันธมิตรข้างเดียว เราต้องชั่งน้ำหนักทุกอย่างจริงหรือไม่จริง สุดท้ายมันมีมูลเชื่อได้ เราก็ต้องใช้สิทธิ์ประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่เสียภาษีเหมือนกัน ก็เลยไปฟังไปมันเป็นประจำตั้งแต่สองปีที่แล้ว"
       
       "คือมันไม่ได้สนุกนะกับการที่จะต้องไปนั่งตากแดดตากฝน เราไม่ได้อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่เราก็ไม่อยากให้ประเทศชาติเดือดร้อนเหมือนกัน บางทีคนเราก็ต้องลืมความเดือดร้อนของตัวเองเสียสละความสะดวกสบายเพื่อประเทศชาติ ผมอยากให้คนที่ไม่เข้าใจและคิดว่าตัวเองเดือดร้อนได้คิด ได้เสียสละ และนึกถึงประเทศชาติให้มากกว่านี้ ไม่ใช่คิดแต่ว่าตัวเองไม่สะดวกสบายก็ออกมาโวยวาย ถ้าคุณสบายแล้วประเทศชาติฉิบหายคุณจะอยู่ได้เหรอ อยากให้เห็นใจคนที่มานั่งมานอนอยู่ข้างถนน เขาไม่ได้มีความสุข เขาไม่ได้สนุก แต่เขามาทำเพื่อประเทศชาติ มาทำเพื่อพวกเราทุกคน"
       
       "ผมเองก็ไปม็อบเป็นประจำ และก็ดูเอเอสทีวีทุกวัน ตั้งแต่ประท้วงไม่เคยเปลี่ยนไปช่องอื่น ผมตัดสินใจเข้ามาฟังที่พันธมิตรตั้งแต่วันที่ 4 - 5 ที่เริ่มทำการประท้วง เพราะในหนังสือพิมพ์บอกว่านอมินีๆ ผมก็อยากจะรู้ว่านอมินียังไงก็เลยตัดสินใจมาฟัง อยากรู้ความจริงมากกว่านี้ คนที่พูดในม็อบก็เป็นในระดับอาจารย์ด็อกเตอร์ เราควรที่จะไปฟังความจริงว่าเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า"
       
       "พอไปแล้วก็ทำให้เราได้รู้ความจริง ประเทศไทยไปถึงไหนทำให้รู้หลายเรื่องอย่างเรื่องเขมร ไปรัฐมนตรีไปเซ็นต์รับรองมาเรียบร้อยมันน่าเกลียดมาก มันเป็นเรื่องของประเทศแต่ก็มีการห้ามนักข่าวเข้าไปห้ามบันทึกภาพ มันมีความโปร่งใสแค่ไหน เราเป็นเจ้าของประเทศไม่ให้รู้เรื่องได้ไง"
       

       "ทางทหารเองที่มีหน้าที่รักษาดินแดนก็ไม่รู้ว่ายังไง ผมคิดว่าเขาก็คงน่าที่จะมองๆ อยู่ แต่ผมไม่ได้รู้ระบบขั้นตอนภาคการเมืองสส.ก็เลยพูดลำบาก เพราะเขามีผู้บังคับบัญชาหลายภาค แต่ที่น่าแปลกใจก็คือไม่มีผู้ใหญ่หรือทหารออกมาพูดติติงตรงนี้เลย ทั้งที่มันเป็นเรื่องดินแดนประชาธิปไตยของเรา มันแปลกตั้งแต่ผมจำความได้ที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเขาพระวิหารทางเข้าบ้านเป็นของเรา แต่บ้านเป็นของคนอื่นมันแปลกไหม"
       
       "เหมือนเราปลูกต้นมะม่วงไว้ริมกำแพงและวันหนึ่งที่มันออกผลและล้ำไปบ้านโน้น มันก็ยังเป็นมะม่วงของเราหรือเปล่า....มันก็เป็นของเรา ถ้าจะเป็นเจ้าของทั้งสองประเทศก็ยังงดงามกว่า จะกินมะม่วงก็มากินสิไม่เป็นไรดีกว่าตัดทิ้ง พูดคุยกันตามประสาพี่น้อง ฟังแล้วก็หดหู่สงสารพระเจ้าตาก วันนี้อาจจะตัดสินไม่ได้ว่าเขาผิด แต่ถ้าวันหนึ่งกระบวนการยุติธรรมเห็นว่าเขาผิดเขาต้องชดใช้ ไอ้เรื่องคอรัปชั่นเรื่องเงินเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องดินแดนเป็นของคนไทยของบรรพบุรุษเขาไม่มีสิทธิ์ ถ้าศาลตัดสินว่าเขาผิดเขาต้องรับผิดชอบ"
       
       "อีกเรื่องหนึ่งที่ผมทนไม่ได้ก็คือ เรื่องจาบจ้วงในหลวง เขาไม่ได้สำนึกผิดเขาโดนล็อกคอเขาถึงลาออก ตอนแรกผมไม่ค่อยเชื่อว่าจะมีใครกล้าจาบจ้วงในหลวงเพราะภาษาอังกฤษผมก็ไม่คล่อง คำแถลงที่เขาพูดผมก็แปลไม่เป็น แต่ว่าบังเอิญว่า ผมได้ดูเอเอสทีวีที่รายงานข่าวว่า มีหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งอันไม่ใช่ของผู้จัดการนะ ที่ลงเรื่องแปลภาษาไทยและแปลจากกรมตำรวจแสดงว่าเชื่อถือได้ เพราะแปลมาเพื่อเป็นสำนวนส่งศาล เขาก็ต้องแปลอย่างตรงไปตรงมา มันทำให้เราได้รู้ความจริง"
       
       "ฟังแล้วมันรู้สึกแย่ พี่รู้ไหมวันที่ในหลวงครองราชย์ครบ 60 ปี ผมใส่เสื้อสีเหลืองไปนั่งตั้งแต่เช้าและก็ไปนั่งร้องไห้ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ผมรักในหลวงมาก และนี่ยิ่งมีคนมาจาบจ้วง ถ้าไม่รักก็เก็บไว้ในใจอย่ามาจาบจ้วง คนที่ไม่ยืนตรงก็เหมือนกัน ผมขอใช้คำหยาบอย่ามาบางกระปิก็แล้วกัน ผมกล้าท้าเลยละกัน จะมาเรียกร้องอะไรแบบนี้ คุณไม่ยืนผิดไหม.....ไม่ผิด แต่มันคือขนบธรรมเนียมประเพณีบุญคุณมันเอาไปไว้ไหน ในหลวงมีบุญคุณล้นหัวชาวไทยทุกคน ผมเกลียดมันมาก ถ้าผมอยู่ในโรงหนังผมจะต่อยมัน ผมยอมเป็นคนผิดในสังคมขอให้ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ"
       
       "มิหนำซ้ำยังมีการเอาคนพวกนี้มาออกอากาศทางทีวีมันไม่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องเอามาออกอากาศก็ได้ มันสะเทือนจิตใจคนทั้งประเทศและระคายเคืองเบื้องยุคลบาท แค่เอเอสทีวีเอามาออกข่าวสั้นๆ ผมยังโกรธ แล้วนี่เอามาออกอากาศเป็นชั่วโมงมันทำถูกต้องแล้วเหรอ
       
       "แล้วที่คุณจักรภพ(จักรภพ เพ็ญแข) บอกว่าเป็นสิทธิ์และเสรีภาพไม่มีใครเป็นทาส ในหลวงเคยมองคนไทยเป็นทาสหรือเปล่า แสดงว่าสมองไม่รับเรื่องการเรียน ถ้าสมองฉลาดพอจะรู้ว่า พ่อที่ไหนจะเห็นลูกตัวเองเป็นทาส ท่านอยู่ในทศพิธราชธรรมภาพในโรงหนังเป็นภาพจริงไม่ใช่ภาพตัดต่อไม่ใช่ละคร พายุเข้าน้ำท่วมไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรท่านก็ไปช่วยประชาชน ที่นี่คือบ้าน ประชาชนคือลูก ไม่มีใครเป็นทาสมันหมดไปตั้งแต่ยุคร. 5 ถ้าจะมีทาสก็มีแต่ทาสทุนนิยม"
       
       "ผมพึ่งจบกศน. แต่ระบบความคิดผมดีกว่าคนพวกนี้ รู้จักที่สูงที่ต่ำ ถึงเขาจะจบสูง สูงไปทำไมสูงมะละกอต้นกล้วย ฝนตกห่าใหญ่ก็ล้มแล้ว ไม่มีรากแก้วไม่มีสมอง"
       
       จากเหตุการณ์ที่รัฐมนตรีตกเป็นข่าวจาบจ้วงเบื้องสูง นายกฯไม่สนใจที่จะสั่งปลด ทำให้เกิดกระแสขึ้นมาว่า มีกระบวนการทำลายล้างระบบกษัตริย์ เรื่องนี้สนให้ความเห็นว่า ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า แต่มั่นใจว่ามีการจาบจ้างจริง
       
       "ไม่รู้ว่ามีกระบวนการทำลายระบบกษัตริย์จริงหรือเปล่า แต่ผมตัดสินที่เคารพไม่เคารพจาบจ้วงไม่จาบจ้วง ผมไปเห็นตัวหนังสือแล้วเอเอสทีวีไม่ได้โกหกผม ผมหาข้อมูลศึกษาแล้ว ตรงนี้เป็นชนวนที่สำคัญทำให้ผมต้องไปที่ม็อบของพันธมิตร และอีกหลายเรื่องทั้งรัฐบาลนอมินี การคอรัปชั่นทำให้ต้องออกไปร่วม"
       
       "มีคนบอกว่าที่ม็อบจ้างมา ถ้าจ้างจะจ้างได้กี่วัน คนมาเยอะขนาดนี้ต้องใช้เงินวันละไม่รู้กี่ล้าน ผมยังเสียใจอยู่เลยที่ไม่สามารถขึ้นเวทีได้ อยากขึ้นแต่ก็ขึ้นไม่ได้ ธุรกิจกับการเมืองมันเกี่ยวข้องกัน ถ้าขึ้นไปไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ใช่คนรวยที่มาออกเทปเล่นหนัง บ้านผมจนต้องทำมาหากิน แต่ใจผมอยู่บนเวทีแล้ว ทุกครั้งเวลาเห็นอื่นร้องเพลงมันปวดใจ ผมแต่งเพลงไว้แต่ขึ้นร้องไม่ได้"
       

       "จริงๆ มันไม่ผิดถ้าเราจะเอาเรื่องความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ในสัญญาก็ไม่ได้ระบุห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เรามีสิทธิ์ที่จะพูดออกความเห็นอะไรก็ได้ ตรงนี้ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ในการที่ผมจะขึ้นโชว์บนเวทีตามสัญญาผมจะต้องได้รับอนุญาตจากต้นสังกัดเสียก่อน ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมไม่สามารถทำให้ขึ้นเวทีได้ แต่ถึงผมจะไม่ได้ขึ้นเวทีแต่ผมก็มาฟังเป็นประจำ"
       
       "คนเราก็ต่างมีหน้าที่ของตัวเอง เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นตำรวจอยู่ฝั่งโน้น ผมก็เข้ามาฟังพันธมิตรก็ลองโทรหาเพื่อนอยู่ที่ไหนเผื่อมันอยู่ที่ม็อบ สรุปว่ามันอยู่ที่ม็อบจริงๆ ก็ไปเจอกันที่หน้าลำโพง มันยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ผมยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เจอหน้ากันแล้วก็หัวเราะ เราต่างคนต่างทำหน้าที่แต่ก็เป็นเพื่อนกันได้ เราเป็นเพื่อนกันกินข้าวด้วยกันนอนด้วยกัน แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา ผมเชื่อว่ายังมีตำรวจอีกหลายคนที่คิดเหมือนเรา"
       
       "ผมเองก็ต้องทำหน้าที่ของผม แต่ถึงผมจะขึ้นเวทีที่นี่ไม่ได้ แต่ก็คิดๆ อยู่ว่าจะแอบไปเล่นที่หาดใหญ่(หัวเราะ) อยากไปเล่นเพลงที่เราแต่งเพื่อขึ้น แต่งแล้วขึ้นไม่ได้มันอึดอัด ก็เข้าใจผู้ใหญ่เกรงใจเขา แต่เราก็ต้องทำหน้าที่พลเมืองของเราเหมือนกัน"
       
       "ผมไปที่นั่งฟังที่พันธมิตรก็มีคำจำผมได้ เขาก็ถามทำไมไม่ขึ้น ผมก็อธิบายให้ฟังเขาก็เข้าใจ ก็ต้องขอโทษที่ผมไม่ได้ขึ้นเวทีไม่ใช่ว่าไม่กล้า ผมลูกแม่เกี้ยว ชิตมณี บ้านอยู่เหมืองแร่ ไม่เคยมีอะไรที่ผมไม่กล้ายกเว้นเรื่องทำชั่วสุดๆ ผมไม่กล้า แต่มันมีเหตุผลเรื่องต้นสังกัด ผมไม่ใช่ลูกคนรวยที่มาทำงานด้านบันเทิง ทุกวันนี้ก็ไมได้รวย ผมต้องรักษาจุดที่สามารถเป็นไปได้ทั้งสองฝ่าย"
       
       "ถ้าวันหนึ่งที่ผมเป็นเจ้าของธุรกิจผมจะชัดเจนได้มากกว่านี้ ยังไงก็ตามผมก็คิดเหมือนคนที่ม็อบ และผมก็จะขอยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ผมจะไปม็อบแน่นอน ถ้าวันไหนไม่ได้ไปก็จะผลัดเวรกับเพื่อนข้างห้องไปไม่เคยขาด"


โดย : .... [ 2008-06-28 21:50:12 ] 58.8.163.109 DELETE    แจ้งลบกระทู้